น้ำมันแตะระดับสูงสุดรอบ 7 ปีจากอุปทานที่ตึงตัว

น้ำมันในวันอังคารเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งอาจทำให้แนวโน้มอุปทานตึงตัวอยู่แล้ว น้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 1.03 ดอลลาร์หรือ 1.2% ปิดที่ 87.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟิวเจอร์ส WTI ของสหรัฐปิดที่ 1.61 ดอลลาร์หรือ 1.9% เพิ่มขึ้นที่ 85.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ดัชนีอ้างอิงทั้งสองแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 และแหล่งข่าวของ OPEC บางรายกล่าวว่าน้ำมันใกล้แตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว

ความกังวลด้านอุปทานเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้หลังจากกลุ่มฮูตีของเยเมนโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งผลให้เกิดความรุนแรงขึ้นระหว่างกลุ่มที่พันธมิตรกับอิหร่านและกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย

หลุยส์ ดิกสัน นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันอาวุโสของ Rystad Energy กล่าวว่า “ความเสียหายต่อโรงงานผลิตน้ำมันของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในอาบูดาบีอาจไม่ได้มีความสำคัญมาก แต่กลับทำให้เกิดคำถามว่าซัพพลายจะหยุดชะงักในภูมิภาคนี้มากขึ้นไปอีกในปี 2022 “การโจมตีดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาค และอาจส่งสัญญาณว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ นั้นปิดฉากลง ซึ่งหมายความว่าอิหร่านอาจไม่สามารถอุปทานน้ำมันเข้าตลาด”

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า กองทหารรัสเซียที่ประจำการในเบลารุสซึ่งมอสโกและมินสค์กล่าวว่าจะเป็นการซ้อมรบร่วม กำลังสร้างความกังวลในการโจมตียูเครน โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และเยอรมันได้หารือกันถึงวิธีการยับยั้งรัสเซีย ซึ่งอาจรวมถึงการหยุดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 จากรัสเซียไปยังยุโรปตอนกลาง

ในเวลาเดียวกัน OPEC+ ยังคงนโยบายการผลิตที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันแบบรายเดือน นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า พวกเขาคาดว่าสต็อกน้ำมันในกลุ่มประเทศ OECD จะลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2000 ในช่วงฤดูร้อน โดยราคาน้ำมันเบรนท์จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ดอลลาร์ในปลายปีนี้

แหล่งข่าว Oil hit 7-year highs as tight supply bites โดย Reuters